รับสร้างบ้าน : วางแผนการเงินในการซื้อบ้านใหม่
ความใฝ่ฝันเรื่องการมี “บ้านใหม่” เป็นของตัวเอง น่าจะเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของคนส่วนใหญ่ แต่เนื่องจากว่าบ้าน โดยเฉพาะในปัจจุบันมีราคาสูงมากขึ้นเรื่อยๆจนแทบดับฝันของใครหลายๆคน แต่อย่างไรก็ดี “บ้าน” ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนหวังจะครอบครอง เมื่อบ้านมีราคาสูงอย่างนี้ แล้วคนอยากซื้อบ้านต้องทำอย่างไร แน่นอนว่าเราอาจจะควรมีการวางเป้าหมายทางการเงินของตนเอง รวมทั้งศึกษาข้อมูล ขั้นตอนการซื้อบ้านอย่างถี่ถ้วน ซึ่งก็มีหลักการรวมทั้งข้อเสนอซึ่งสามารถนำไปใช้ได้กันทุกคน
1.ราคาขายบ้านที่ซื้อไม่สมควรเกินสองเท่าของรายได้ครอบครัว ถ้าหากเลือกได้ใครๆก็อาจจะต้องการมีบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง เพียงพอสำหรับสมาชิกในครอบครัว รวมถึงต้องการให้บ้านตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวกสบาย และอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญๆอย่างโรงพยาบาล ที่ทำงาน สถานศึกษาของสมาชิกในครอบครัว รวมถึงระบบการขนส่งมวลชนต่างๆแต่ว่าแน่นอนว่าราคาบ้านในทำเลทองพวกนี้ย่อมมีราคาสูงลิบลับจนเกินเอื้อม ด้วยเหตุดังกล่าวคงจะจำเป็นต้องหันมาสำรวจเงินในกระเป๋าของตัวเองรวมทั้งสมาชิกในครอบครัว โดยเลือกบ้านที่มีราคาไม่เกิน 2 เท่าของรายได้ทั้งหมดของครอบครัว เช่น ถ้าเกิดรายได้ของครอบครัวต่อปีมีทั้งสิ้น 300,000 บาท ก็ควรจะเลือกซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 600,000 บาท
2.คิดสักหน่อยสำหรับค่าผ่อนรายเดือน นอกจากราคาบ้านที่ต้องคำนึงถึงแล้ว ผู้ซื้อบ้านควรคิดให้ยาวกว่านั้นสักนิดถึงภาระหน้าที่การผ่อนจ่ายบ้านทุกเดือน โดยมีหลักการคิดเป็น ภาระผ่อนทุกเดือนจำเป็นต้องไม่เกิน 25-30 % ของรายได้ต่อเดือน ดังนี้ก็เพื่อไม่ให้สถานะทางด้านการเงินของเราตกอยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง เพราะว่ามั่นใจว่าหลายๆคนคงจะมีภาระหน้าที่ และก็ค่าใช้จ่ายต่อเดือนประเภทอื่นๆอีก
3.ทำประวัติ (การเงิน) ของตนเองให้ใสสะอาด โดยปกติการซื้อบ้าน ทุกคนมักจำเป็นต้องกู้ยืมเงินผ่านแบงค์ เพราะฉะนั้นเรื่องเครดิตในการทำเรื่องกู้แบงค์เป็นเรื่องจำเป็น เพราะเวลาซื้อบ้านการดาวน์บ้านอย่างน้อยๆต้องวางเงินดาวน์ล่วงหน้า 10-20 % ของราคาบ้าน เพราะธรรมดาแบงค์จะปล่อยกู้ให้เราเพียงแค่ 80-90 % ของราคาบ้านแค่นั้น นั่นก็พอๆกับว่าที่เหลือผู้ซื้อบ้านต้องแบกภาระชำระเงินเอง ซึ่งก็อาจจะจะต้องใช้เงินเก็บส่วนตัว ยิ่งหากมีเงินเก็บส่วนตัวสำหรับวางเงินดาวน์ได้มาก นอกจากจะช่วยลดดอกเงินกู้แล้ว ยังจะทำให้เครดิตด้านการเงินของคุณด้วย เนื่องจากตอนแบงค์พิจารณาปล่อยกู้ นอกจากจะพิจารณารายได้ต่อเดือนที่มีอย่างต่อเนื่องแล้วทางแบงค์ยังพิจารณาประวัติด้านการเงินของคุณประกอบไปด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้าหากคิดว่าในอนาคตต้องกู้เงินซื้อบ้านจากแบงค์อย่างแน่นอน ก็ควรจะทำประวัติการเงินของตัวเองให้ขาวสะอาด ไม่มีประวัติหนี้สินพะรุงพะรัง
4.เลือกดอกเบี้ยที่โดน (ใจ) เวลาตัดสินใจเลือกทำเรื่องกู้ยืมซื้อบ้านจากสถาบันการเงินใด ควรจะพิจารณาถึงอัตราดอกเบี้ยของแบงค์นั้นๆโดยเลือกดอกเบี้ยให้ตรงกับความสามารถในการจ่ายและชำระหนี้ของตนมากที่สุด เพราะว่าในปัจจุบันแต่ละแบงค์ต่างมีโปรโมชั่นในการปล่อยสินเชื่อเกี่ยวกับที่อยู่ที่อาศัยอย่างหลากหลาย โดยอัตราค่าดอกเบี้ยมีแบบลอยตัวและก็คงเดิม จะเลือกอัตราค่าดอกเบี้ยแบบไหนก็มองตามสถานการณ์นั้นๆหากเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นควรที่จะเลือกดอกเบี้ยแบบคงที่ แต่ว่าถ้าเกิดเป็นช่วงดอกเบี้ยขาลง ควรจะเลือกกู้แบบดอกเบี้ยลอยตัว และสำหรับผู้กู้ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมซื้อบ้านยังนำไปผ่อนผันภาษีต่อปีได้อีกด้วย
การตัดสินใจซื้อบ้านจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ และก็ระยะเวลาในการศึกษาเรียนรู้ข้อมูลให้รอบด้าน แล้วสำหรับคุณล่ะพร้อมหรือยังสำหรับการตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรก